กฏหมายห้าม หยามใจประชาชน

CRAFT BEER DISCOVERY #22

กฏหมายห้าม หยามใจประชาชน

กฏหมายห้าม หยามใจประชาชน 2048 1152 SPACECRAFT

ในอดีต ประเทศที่ประชาชนมีสิทธิในการแสดงออกทางความคิดเห็นและมีสิทธิมนุษยชนสูงที่สุดประเทศหนึ่ง อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา เคยมีกฏหมายห้ามการผลิต เคลื่อนย้ายและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ช่วงนั้นถือว่าเป็นช่วงที่ก่อให้เกิด ขบวนการสุราใต้ดิน, เหล้าเถื่อน และการผลิตแอลกอฮอล์อย่างผิดกฏหมายมากมาย วันนี้จะมาสรุปเหตุการณ์ช่วงนั้นให้อ่านกันครับ

ยุค Prohibition ในสหรัฐอเมริกาคือช่วงเวลาของการห้ามผลิต นำเข้าและส่งขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเป็นกฏหมายในรัฐธรรมนูญที่บังคับใช้ทั่วประเทศ ในช่วงปี 1920 ถึง 1933 โดยเริ่มต้นในยุคของการเผยแพร่ศาสนาในประเทศอเมริกา เมื่อนักบวชได้เดินทางเผยแพร่คำสอน สิ่งที่ได้พบเห็นได้ทั่วไปคือปัญหาสังคมและความรุนแรงในครอบครัวซึ่งมีผลมาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล่านักบวชจึงร่วมมือกันส่งเสริมโครงการเพื่อศีลธรรมและสุขภาพที่ดีของประชาชนโดยการผลักดันกฏหมายเพื่อห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้น ด้วยการสนับสนุนจากสมาชิกหัวก้าวหน้าจากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน พร้อมยังได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้หญิงจำนวนมาก ที่มาสนับสนุนเพราะเห็นด้วยว่าแอลกอฮอล์คือสาเหตุทำลายชีวิตคู่และครอบครัว โดยกลุ่มที่ผลักดันกฏหมาย Prohibition ถูกเรียกว่ากลุ่ม “Drys” ส่วนกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วยที่เป็นการรวมตัวของกลุ่มอุตสาหกรรมแอลกอฮอล์ถูกเรียกว่ากลุ่ม “Wets” โดยกลุ่มที่สนับสนุนเชื่อว่าการห้ามขายแอลกอฮอล์จะช่วยลดอุบัติเหตุและช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานของแรงงานในยุคที่แต่ละประเทศต้องแข่งกันด้านอุตสาหกรรมด้วย


รัฐ Maine เป็นรัฐแรกที่กฏหมาย Prohibition ออกบังคับใช้ในปี 1846 ต่อมาในศตวรรษที่ 19 สังคมเริ่มเห็นด้วยกับการ Prohibition โดยกฏหมาย Prohibition ได้ผ่านในปี 1919 และ ออกบังคับใช้ในปี 1920 โดยมีเนื้อหา

“ห้ามผลิต, ห้ามนำเข้า, ห้ามขนส่ง และห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์”
 

แต่ก็มีการออกข้อยกเว้น เช่น อนุญาติในการใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพี่อพิธีการทางศาสนา หมอสามารถจ่ายยาที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ได้ (จนเห็นหมอจ่ายยาเป็นวิสกี้ให้คนไข้มากมาย) หรือในบางรัฐสามารถครอบครองเพี่อบริโภคเองได้ แต่บางรัฐเข้มงวดถึงขนาดห้ามครอบครองโดยเด็ดขาด


การห้ามขายและครอบครองในครั้งนี้ส่งผลให้ปริมาณการบริโภคแอลกอฮอล์ในประเทศลดลงอย่างมหาศาล ลดอัตราการเสียชีวิตจากตับแข็ง โรคทางจิตที่เกิดจากผลของแอลกอฮอล์ การเมาสุราในที่สาธารณะ และอัตราการขาดงาน จากตัวเลขสถิติต่างๆที่ดูเหมือนจะดี แต่ไม่นานหลังเกิดการห้าม ผู้ที่ยังต้องการดื่มก็มีวิธีการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้อยู่ดี ด้วยการแอบผลิตและแอบขายอย่างผิดกฏหมาย ทำให้เหล้าเถื่อนออกสู่ตลาดมากมายตลอดทศวรรษ คู่กันกับการเกิดขึ้นของ Speakeasy (ร้านค้าหรือไนท์คลับที่ลักลอบขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์) รวมถึงการลักลอบนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการเคลื่อนย้ายข้ามรัฐ


นอกจากนี้ยุค Prohibition กลายเป็นยุคสมัยแห่งมาเฟีย กลุ่มอาชญากรได้ทำการเข้าควบคุมโรงงานเบียร์และเหล้าในหลายๆเมือง ตัวอย่างที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ Al Capone มาเฟียผู้มีรายได้ 60 ล้านเหรียญต่อปีจากการขายเหล้าเถื่อน รวมถึงความรุนแรงต่างๆที่เพิ่มขึ้น พร้อมกันไป และในช่วงนั้น ก็ได้มีนักวิจารณ์ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กฏหมาย Prohibition ว่าก่อให้เกิดอาชญากรรม ลดรายได้ของคนในท้องถิ่น เมื่อเวลาผ่านไปการ Prohibition ก็ได้ถูกวิจารณ์หนักขึ้น ผู้สนับสนุนก็ลดลงทุกปี รวมถึงรัฐบาลก็เก็บภาษีได้น้อยลง ในช่วงก่อนและช่วงที่เกิดการตกต่ำทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของโลก (Great Depression 1929- mid1930s) จนในที่สุด Prohibition ก็ได้สิ้นสุดลงด้วยการแก้ไขกฏหมายอีกครั้ง เพื่อเป็นการยกเลิก ในปี 1933


โดยที่สาเหตุในการยกเลิกการห้ามครั้งนี้ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการจัดเก็บรายได้ที่น้อยลง จากรายงานของ Washington State University การ Prohibition ทำให้ประเทศสูญเสียภาษีจากแอลกอฮอล์ถึงปีละ 226 ล้านเหรียญ และยังทำให้เกิดการปิดตัวลงของ 200 โรงกลั่นเหล้า, โรงเบียร์นับพัน และร้านขายแอลกอฮอล์กว่า 170,000 ร้าน จากการศึกษาในปี 2015 หลังจากการยกเลิก Prohibition ก่อให้เกิดรายได้ทางสังคมเพิ่มขึ้นในช่วงปี 1934-1937 ถึงปีละ 432 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 0.33% ของ GDP และเมื่องโรงเบียร์กลับมาเปิดใหม่ในปี 1933 ได้สร้างงานขึ้นถึง 81,000 ตำแหน่ง


สุดท้ายแล้วการห้ามขายแอลกอฮอล์ไม่ได้ส่งผลดีต่อฝ่ายใด เพราะการบังคับผู้ที่ชื่นชอบในเครี่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เลิกคงต้องใช้การให้ความรู้มากกว่าการบังคับด้วยกฏหมาย และจากข้อมูลข้างต้นถ้าเราไม่มองว่าแอลกอฮอล์เป็นสิ่งไม่ดี เครื่องดื่มชนิดนี้ผูกพันธุ์กับเศรษฐกิจ แรงงานและสังคมมากกว่าที่คิด แม้ผลทางการแพทย์ออกมาว่าการรับแอลกอฮอล์เข้าไปในร่างกายเยอะเกินไปเป็นสิ่งอันตราย แต่ก็มีผลสำรวจอีกหลายรายงานเช่นกันว่า ถ้าได้รับในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยส่งผลให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น (ปริมาณการดื่มที่เหมาะสมเคยเขียนไปในหัวข้อ Standard Drink โพสท์ก่อนแล้วครับ)

Stay Safe!
Drink Responsibly.
SPACECRAFT

Back to top