คราฟท์เบียร์ในปัจจุบันพบได้จาก supermarket มากขึ้น เราจึงพบความหลากหลายบน shelf ได้มากขึ้น ทำให้ทางเลือกของนักดื่มมีมากขึ้นเช่นกัน แต่ถ้าพูดถึงบรรจุภัณฑ์สิ่งที่เราเห็นกันเป็นหลักจะมีอยู่ 2 แบบคือ แบบขวด และ แบบกระป๋อง ซึ่งทั้งคู่ต่างมีข้อดีและข้อเสียที่ต่างกัน วันนี้เลยอยากมาเล่าให้ฟังครับ
แม้ว่ายุคแรกๆของคราฟท์เบียร์เราจะพบในแบบขวดเกือบทั้งหมด อาจจะเห็นในรูปกระป๋องสำหรับโรงเบียร์ขนาดใหญ่ แต่ไม่กี่ปีหลัง คราฟท์เบียร์รูปแบบกระป๋องได้ออกสู่ตลาดมากขึ้น ทั้งขนาด 330ml, 355ml หรือ 375ml และอีกหลายขนาด แล้วข้อดีของแบบกระป๋องคืออะไร?
แบบกระป๋องเบากว่า ขนส่งได้ง่ายกว่า การขนส่งมาทางเครื่องบินมีราคาถูกกว่าแบบขวด แต่ก็ถูกกระแทกแล้วบุบได้ง่าย ป้องกันแสงได้ 100% วัสดุถ่ายเทความร้อนได้เร็วกว่า ขอเสียอีกข้อคือปากกว้าง เวลาบรรจุถ้าไม่ระวังจะทำให้เกิดการ oxidation ได้ แต่ปัญหานี้คงไม่เกิดกับโรงคราฟท์เบียร์ที่มีคุณภาพเท่าไหร่
แบบขวดแสงส่องผ่านได้บ้าง ขวดสีน้ำตาลจะคุมเรื่องแสงดีกว่าสีเขียว จึงเป็นเหตุให้คราฟท์เบียร์ใช้ขวดสีน้ำตาลทั้งสิ้น แบบขวดจะเก็บอุณหภูมิได้ดีกว่าแบบกระป๋องนิดหน่อย ปากบรรจุแคบสามารถ frush co2 ก่อนบรรจุเพื่อป้องกันการ oxidation ได้ดีกว่า
แต่ว่าแสงมันส่งผลยังไงต่อเบียร์?
เบียร์ที่ถูกแสงจะก่อให้เกิด off-flavor ชนิดหนึ่งที่เรียกสาเหตุนี้ว่า lightstruck โดยที่จะให้กลิ่น skunk หรือกาแฟคั่ว โดยเกิดจากแสง ultraviolet เข้ากระทบ isohumulone molecule ที่ก่อให้เกิด compound ชนิดหนึ่งพร้อม sulfer ที่ออกมาแล้วให้กลิ่นเหมือน skunk เบียร์ที่อยู่ในขวดใสหรือขวดสีเขียวจะยิ่งอ่อนไหวต่อแสง เรื่อง lightstruck จะลงรายละเอียดอีกในสัปดาห์ต่อๆไปนะครับ
สุดท้ายนี้เพื่อนๆชอบดื่มเบียร์จากขวดหรือกระป๋องมาแชร์ให้ฟังกับบ้างนะ
SPACEMAN
Drink Responsibly.
SPACECRAFT